เบต้ากลูแคน กับ ภูมิต้านทาน

เนื้อหา
ภูมิต้านทานของร่างกาย
ในแต่ละวันเราได้รับสิ่งต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ผ่านกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เรากิน หรือ อากาศที่เราหายใจ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น สารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือ เชื้อโรคต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าโดยธรรมชาติร่างกายจะมีภูมิต้านที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งจะคอยกำจัดสารพิษ เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ช่วยให้ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ก็จริง แต่เมื่ออายุมากขึ้น หรือ มีปัจจัยต่างๆที่ส่งเสริมให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น ความเครียด อดนอน อดอาหาร ขาดการออกกำลังกาย หรือ การได้รับยาบางชนิด เช่น ยากดภูมิ ยาเคมีบำบัด การฉายแสง รวมถึงการรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันนานๆ ล้วนแต่เป็นการทำลายเหล่าทหารในร่างกาย อย่างเม็ดเลือดขาว หรือ จุลินทรีย์ตัวดี ทำให้มีปริมาณไม่มากพอที่จะกำจัดเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ออกได้หมด เวลานั้นก็ถือว่าเราได้พ่ายแพ้ต่อสงครามนั้น และก่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ในท้ายที่สุด
เมื่อร่างกายถูกบุกรุกด้วยเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ภูมิต้านทานภายในร่างกายจะตอบสนองทันที โดยจะส่งภูมิคุ้มกันแนวหน้าออกมา คือ
- Macrophage หรือ แมคโครฟาจ หรือ แมคโครเฟจ เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันที่เปรียบเสมือน ‘หน่วยลาดตระเวนจอมเขมือบ’ คอยจับกินสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง ซึ่งโดยปกติแล้ว แมคโครฟาจจะค่อนข้างเฉื่อยช้า จะทำงานก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งแปลกปลอม ซึ่งบางครั้งอาจไม่ทันการณ์
- Natural Killer Cell หรือ NK Cell ที่เปรียบเสมือน ‘หน่วยเซลล์เพชฌฆาต’ ที่สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติต่างๆ ในร่างกาย และเปิดฉากโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบันมีการศึกษามากมายที่พบว่า สารที่สามารถเพิ่มภูมิต้านทานโดยแบบธรรมชาติให้แก่ร่างกายได้ ซึ่งมีสมรรถภาพสูงสุดและปลอดภัยเท่าที่วงการวิทยาศาสตร์รู้จักในปัจจุบันก็คือ เบต้ากลูแคน (Beta glucan) โดยหน้าที่หลักของ เบต้ากลูแคน จะไปกระตุ้นการทำงานของแมคโครฟาจ ให้มีความขยันขันแข็ง ไม่ต้องรอให้สิ่งแปลกปลอมมากระตุ้น ก็พร้อมที่จะทำงานทุกสถานการณ์

ในกรณีที่ร่างกายเกิดสภาวะที่ภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น ขาดการพักผ่อน ทำงานหนัก ไม่สบายมาเป็นเวลานาน ทำให้เม็ดเลือดขาวมีความอ่อนล้า จนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันสิ่งแปลกปลอมได้ เบต้ากลูแคนจะไปช่วยเพิ่มพลังให้กับเม็ดเลือดขาวเหล่านั้น (ถ้านึกง่ายๆ ก็เหมือนเวลาที่ป๊อปอาย 💪🏻 ได้กินผักโขมเพิ่มพลังนั่นแหล่ะ 😱) เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) จึงเป็นสารอาหารที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดคอเลสเตอรอล และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม พบได้ในธัญพืช เห็ดบางชนิด และยีสต์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย
เบต้ากลูแคน คืออะไร ?
เบต้ากลูแคน เป็นสารประกอบประเภทแป้ง เป็นน้ำตาลเชิงซ้อนที่มาจากธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่พบได้ในธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยตรง และยังช่วยป้องกันโรคบางชนิดอีกด้วย
ประโยชน์ของเบต้ากลูแคน
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : เบต้ากลูแคนช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรค และป้องกันการติดเชื้อได้ดีขึ้น
- ลดระดับคอเลสเตอรอล : มีงานวิจัยระบุว่าเบต้ากลูแคนสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือด และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
- ช่วยปรับสมดุลสุขภาพลำไส้ : เบต้ากลูแคนทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด : การบริโภคเบต้ากลูแคนช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน
นอกจากนี้ เบต้ากลูแคน ยังมีประโยชน์อย่างมาก ในการป้องกันและรักษาโรคที่น่ากลัวอย่าง โรคมะเร็ง โดยเบต้ากลูแคน จะทำให้เม็ดเลือดขาว เห็นเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว เม็ดเลือดขาวจะเข้าใจว่าเซลล์มะเร็งกับเซลล์ปกติในร่างกายเป็นพวกเดียวกัน เนื่องจากว่า เซลล์มะเร็งถูกพัฒนามาจากเซลล์ปกติในร่างกาย ที่ถูกปัจจัยบางอย่างทำให้การแบ่งตัวผิดเพี้ยนไป ดังน้ันเซลล์มะเร็งจึงมีดีเอ็นเอที่เหมือนกับเซลล์ปกติทั่วไป นอกจากเซลล์มะเร็งนั้นจะผิดปกติมาก จนเซลล์ภูมิต้านทานทั้งหลายเริ่มสังเกตเห็นว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงจะเข้ามาจัดการทำลาย แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะไม่ทันการณ์ เซลล์มะเร็งก็ได้รุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว
เบต้ากลูแคน จะไปจับกับตัวรับที่อยู่บนผิวของแมคโครฟาจชื่อ Dectin-1 และตัวรับที่อยู่บนผิวของ NK Cell ชื่อ CR-3 (Complement Receptor 3) ผลก็คือเซลล์แมคโครฟาจที่ปกติจะอยู่อย่างสงบและเชื่องช้าจะตื่นตัวและว่องไวมากขึ้น มีเป้าหมายที่จะออกค้นหาเพื่อกินเซลล์มะเร็ง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า Seek and Destroy เมื่อแมคโครฟาจกินและย่อยเซลล์มะเร็งจนเป็นชิ้นเล็กๆ มันจะเอาไปแสดงเป็นสัญลักษณ์บนตัวของมัน เพื่อส่งสัญญาณให้เม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ เช่น T-cell และ B-cell ทราบ และผลิตแอนตี้บอดี้ ให้ไปเกาะที่ผิวของเซลล์มะเร็งที่เหลือ ทำให้เซลล์ภูมิต้านทานต่างๆเห็นเซลล์มะเร็ง และกรูกันเข้ามาจัดการได้
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไม เบต้ากลูแคน จึงเป็นที่ยอมรับในด้านการเพิ่มภูมิต้านทานกันอย่างกว้างขวาง ด้วยความสามารถดังที่กล่าวมาในข้างต้น เบต้ากลูแคนจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่เราควรจะบริโภคเพิ่มเสริมสร้างร่างกายให้เเข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันสูงสุด และปลอดภัยเนื่องจากเป็นการเลียนแบบกลไกการป้องกันโดยธรรมชาติ
แหล่งอาหารที่มีเบต้ากลูแคนสูง





เบต้ากลูแคน มีหลากหลายโครงสร้างแตกต่างกันตามแหล่งที่มา เช่น เห็ด ยีสต์ แบคทีเรีย สาหร่าย ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น โดยโครงสร้างที่ได้คะแนนสูงสุดในด้านการเพิ่มภูมิต้านทาน คือ เบต้ากลูแคน 1,3/1,6 ที่สกัดได้มาจากเห็ด และผนังเซลล์ของยีสต์
ความแตกต่างของเบต้ากลูแคนจากแต่ละแหล่งที่มา
|
Mushroom Beta Glucan |
Yeast Beta Glucan |
Oat Beta Glucan |
โครงสร้างของโมเลกุล |
Beta 1,3/1,6 glucan (สายสั้น) |
Beta 1,3/1,6 glucan (สายยาว) |
Beta 1,3/1,4 glucan |
การละลายน้ำ |
ละลายน้ำ |
ไม่ละลายน้ำ |
ละลายน้ำ |
ไม่มีกลูเตน Gluten free |
✓ |
x |
✓ บางส่วน โดยขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิตด้วย |
สรรพคุณเด่น |
เพิ่มภูมิต้านทาน ปรับสมดุลภูมิต้านทาน |
เพิ่มภูมิต้านทาน |
ลดไขมันในโลหิต แต่ประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิต้านทานจะไม่สูงเท่า Beta 1,3/1,6 glucan |
การทำงานของเบต้ากลูแคน
เบต้ากลูแคน สามารถช่วยระบบภูมิต้านทานได้อย่างน้อย 3 วิธีดังนี้
- กระตุ้นให้ไขกระดูกเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว ทำให้มีเซลล์ภูมิคุ้มกันเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนเพียงพอที่จะทำลายผู้บุกรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มประสิทธิภาพของแมคโครฟาจ (Macrophage) ในการจับกินผู้บุกรุก โดยกระตุ้นให้แมคโครฟาจสามารถทำลายผู้บุกรุกได้อย่างว่องไวมากขึ้น และส่งสัญญาณเตือนภัยไปเซลล์ต่างๆ โดยการหลั่งสารเคมีสื่อสารออกไป
- พัฒนาเซลล์ภูมิต้านทานทั้งหลายให้สามารถเคลื่อนที่ไปยังผู้รุกรานตรงบริเวณเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น ทันต่อเหตุการณ์
เรื่องของ Rosehip (โรสฮิบ)
โรสฮิบ หรือ ผลกุหลาบป่า เป็นผลไม้ที่มีลักษณะผลเป็นสีแดงส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซี, เอ,บี3, ดี และ อี เคยถูกนำไปใช้ในการรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 โรสฮิบมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง เนื่องจากประกอบไปด้วยสารประกอบในกลุ่ม Polyphenolic เช่น Proanthocyanidins และ Flavonoids จึงช่วยป้องกันเซลล์ต่างๆ ไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบของเซลล์ ทำให้เซลล์แข็งแรงไม่ถูกทำลายได้ง่าย

ประโยชน์ของโรสฮิบ
- โรสฮิบ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง เนื่องจากประกอบไปด้วยสารประกอบในกลุ่ม Polyphenolic เช่น Proanthocyanidins และ Flavonoids (Quercetin และ Catechin) ช่วยในการต่อต้าน Oxidative Stress, เพิ่มการทำงานของ Antioxidant Enzymes เช่น Superoxide Dismutase และ Catalase เป็นต้น
- โรสฮิบ มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ และ ลดการปวด ได้ โดยมีฤทธิ์เทียบเท่ากับยา Indomethacin โดยออกฤทธิ์ยับยั้งทั้ง COX-1 และ COX-2
- โรสฮิบ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เนื่องจากมีปริมาณของ Galactolipids สูง ซึ่งพบมากในส่วนของเยื่อหุ้มเซลล์ โดย ส่วนประกอบของ Galactolipids ที่ชื่อว่า GOPO สามารถลดการอักเสบ, ลด C-Reactive Protein และ เพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบได้
ข้อแตกต่างของโรสฮิบจากยากลุ่ม NSAIDs คือ โรสฮิบไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และ ไม่ยับยั้งการแข็งตัวของเกล็ดเลือด ดังนั้น โรสฮิบ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่นำมาใช้แทนยาแก้อักเสบ ในผู้ที่มีปัญหาด้านกระเพาะอาหาร หรือ โรคหลอดเลือดหัวใจได้
เรื่องของ Vitamin C

วิตามินซีเพิ่มประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคน
การรับประทานวิตามินซีร่วมกับเบต้ากลูแคน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคนได้ เนื่องจาก โดยปกติภายในเม็ดเลือดขาวแมคโครฟาจจะมีวิตามินซีสูงกว่าภายนอกเซลล์ถึง 40 เท่า ซึ่งปริมาณวิตามินซีภายในเซลล์ มีผลต่อการเคลื่อนไหว และการจับกินสิ่งแปลกปลอม ดังนั้นการรับประทานวิตามินซีเสริม จะช่วยให้การทำงานของแมคโครฟาจกลับมามีประสิทธิภาพเป็นปกติได้
โดยมีงานวิจัยเปรียบเทียบประสิทธิภาพการจับกินสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาว ในกลุ่มที่รับประทานวิตามินซีอย่างเดียว กับ กลุ่มที่รับประทานวิตามินซีร่วมกับเบต้ากลูแคน พบว่า กลุ่มที่กลุ่มที่รับประทานวิตามินซีร่วมกับเบต้ากลูแคนมีประสิทธิภาพการจับกินสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวได้ดีกว่า
แหล่งอ้างอิง :
- หนังสือเบต้ากลูแคนดีที่สุดในโลก ที่มนุษย์เคยพบ ของ ศ.ดร.นพ.สมศักดิ์ วรคามิน
- หนังสือรู้สู้โรค โมเลกุลเพื่อชีวิต เพื่อสุขภาพ ของ ศ.นพ.เฉลียว ปิยะชน