เอนไซม์ธรรมชาติ เพื่อสุขภาพการย่อยที่ดี

Actizyme เอนไซม์ธรรมชาติ เพื่อสุขภาพการย่อยที่ดี
เอนไซม์ โคเอ็นไซม์ โคแฟคเตอร์ 3 สิ่งที่คนหลงลืม

เนื้อหา

เอนไซม์ โคเอ็นไซม์ และโคแฟคเตอร์: 3 สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกระบบการทำงานของร่างกาย 

          ระบบย่อยอาหารของเราเปรียบเสมือนสนามกีฬาโอลิมปิกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อย่อยอาหาร เอนไซม์ โคเอ็นไซม์ และโคแฟคเตอร์ ต่างมีบทบาทสำคัญ เปรียบเสมือนนักกีฬา โค้ช และอุปกรณ์กีฬาที่ทำงานร่วมกันเพื่อคว้าเหรียญทอง 

1. เอนไซม์: นักกีฬาผู้ทุ่มเท 

          เอนไซม์ เปรียบเสมือนนักกีฬาผู้ทุ่มเท ทำหน้าที่หลักในการย่อยอาหาร เปรียบเสมือนนักกีฬาที่ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อลงแข่งขัน โดยเอนไซม์แต่ละชนิดมีความเฉพาะเจาะจงต่อสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น เปรียบเสมือนนักกีฬาที่เชี่ยวชาญกีฬาเฉพาะประเภท โดยร่างกายของเราสร้างเอนไซม์ได้เอง  

2. โคเอ็นไซม์: โค้ชผู้ชาญฉลาด 

          โคเอ็นไซม์ เปรียบเสมือนโค้ชผู้ชาญฉลาด ทำหน้าที่ช่วยเอนไซม์เร่งปฏิกิริยาเคมี เปรียบเสมือนโค้ชที่วางแผนกลยุทธ์และให้คำแนะนำนักกีฬาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของนักกีฬา ร่างกายของเราสร้างโคเอ็นไซม์ได้เอง แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร  

3. โคแฟคเตอร์: อุปกรณ์กีฬาที่ล้ำสมัย 

          โคแฟคเตอร์ เปรียบเสมือนอุปกรณ์กีฬาที่ล้ำสมัย ทำหน้าที่ช่วยเอนไซม์จับกับสารตั้งต้น เปรียบเสมือนอุปกรณ์กีฬาที่ช่วยให้นักกีฬาเล่นได้ดียิ่งขึ้น ร่างกายของเราได้รับโคแฟคเตอร์จากอาหาร 

เมื่อเอนไซม์ โคเอ็นไซม์ และโคแฟคเตอร์ ทำงานร่วมกัน ระบบย่อยอาหารของเราก็มีประสิทธิภาพ ดูดซึมสารอาหารและพลังงานได้อย่างเต็มที่ เปรียบเสมือนทีมกีฬาที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะทานอาหาร หรือ อาหารเสริมที่ดีที่สุดอย่างไร ก็ไม่สามารถหวังผลได้  


เอนไซม์ไม่ได้มีแค่หน้าที่ย่อยอาหารอย่างเดียว 

เอนไซม์ : พลังมหัศจรรย์ที่ขับเคลื่อนร่างกายคุณ 

          เอนไซม์มักถูกเข้าใจผิดว่าทำหน้าที่ย่อยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วเอนไซม์มีบทบาทสำคัญหลากหลายในร่างกายของเรา เปรียบเสมือนฟันเฟืองเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนกลไกอันซับซ้อนของระบบต่างๆ มาดูกันว่าเอนไซม์ทำอะไรได้บ้างนอกเหนือจากการย่อยอาหาร

1.  ควบคุมการทำงานของเซลล์ : เอนไซม์ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานและกลไกต่างๆ ภายในเซลล์

2.  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : เอนไซม์บางชนิดมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส

3.  ควบคุมระดับฮอร์โมน : เอนไซม์บางชนิดทำหน้าที่ควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย รักษาสมดุลของระบบต่างๆ

4.  บำรุงผิวพรรณ : เอนไซม์บางชนิดช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และสารสำคัญอื่นๆ ในผิว ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง กระชับ และชะลอริ้วรอย

5.  รักษาสมดุลของร่างกาย : เอนไซม์มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิ ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และอื่นๆ 


กีวี ไม่ใช่มีดีแค่อร่อย แต่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน หรือ  Protease สูง 

          ร่างกายของคนเรามีเอนไซม์อยู่มากมาย โดยเอนไซม์ในร่างกายไม่ได้มีหน้าที่เพื่อย่อยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย หมายความว่าร่างกายสร้างเอนไซม์เพื่อให้ร่างกายทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการสร้างเอนไซม์ของคนเรากับน้อยลงตาม ปัญหาเบื้องต้นที่พบ คือ ปัญหาของระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์จากธรรมชาติอยู่เสมอ ก็เปรียบเสมือนการทดแทนปริมาณเอนไซม์ที่ผลิตได้ลดลง เพื่อระบบทางเดินอาหารที่สมบูรณ์ 

การทานอาหารอุดมเอนไซม์ธรรมชาติเป็นประจำ เปรียบเสมือนการมอบกุญแจ เพื่อเปิดระบบให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา 

Green Kiwi fruit

Green Kiwi fruit

กีวี (Green Kiwifruit) ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย เปรี้ยวหวาน สดชื่น แต่รู้หรือไม่ว่ากีวีไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังอุดมไปด้วย Protease เอนไซม์ย่อยโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย มาดูกันว่า Protease สูง ดีต่อร่างกายอย่างไร

1.  ย่อยโปรตีนอย่างมีประสิทธิภาพ : Protease ช่วยย่อยโปรตีนจากอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย

2.  เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร : Protease ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น

3.  บำรุงผิวพรรณ : Protease ช่วยย่อยคอลลาเจนเก่า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง กระชับ ชะลอริ้วรอย

4.  เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : Protease ช่วยย่อยโปรตีนของเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

5.  ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง : Protease ช่วยย่อยโปรตีนที่เป็นพิษ ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ  

เมล็ดกีวี ประโยชน์ที่คุณไม่เคยรู้ 

กีวี: ไม่ได้ดีแค่กับระบบย่อยอาหาร แต่ยังบำรุงผิวได้อีกด้วย! 

รู้หรือไม่ว่านอกจากสารสกัดจากเมล็ดกีวีจะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย 

สารอาหารสำคัญจากเมล็ดกีวี

    • กรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิด Alpha-Lipoic Acid (ALA): ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว 

    • วิตามินอีชนิด Tocotrienol: คงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว รักษาความยืดหยุ่นของผิว 

    • สารต้านอนุมูลอิสระ Polyphenols และสาร Flavonoid: ต่อต้านริ้วรอย ลดรอยคล้ำ  

สารอาหารสำคัญและประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร

ผงกีวี (Kiwi Powder)

ผงกีวี (Kiwi Powder)

ผงกีวี (Kiwi Powder) : เอนไซม์ Actinidin ช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องระบบย่อยอาหารจากความเสียหาย

ผงมะละกอ (Papaya Powder)

ผงมะละกอ (Papaya Powder)

ผงมะละกอ (Papaya Powder) : เอนไซม์ Papain ช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีวิตามินซีและวิตามินเอ ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร

สารสกัดจากข้าว (Rice Extract)

สารสกัดจากข้าว (Rice Extract)

สารสกัดจากข้าว (Rice Extract) : มีสาร Gamma-Aminobutyric Acid (GABA) ช่วยผ่อนคลายลำไส้ ลดอาการท้องเสีย สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องระบบย่อยอาหารจากความเสียหาย 

สารสกัดจากสับปะรด (Pineapple Extract)
สารสกัดจากสับปะรด (Pineapple Extract)

สารสกัดจากสับปะรด (Pineapple Extract) : เอนไซม์ Bromelain ช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องระบบย่อยอาหารจากความเสียหาย สรรพคุณต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวน

แหล่งอาหารที่พบ บาซิลลัส โคแอกกูแลน (Bacillus coagulans)

แหล่งอาหารที่พบ บาซิลลัส โคแอกกูแลน (Bacillus coagulans)

บาซิลลัส โคแอกกูแลน (Bacillus coagulans) : โพรไบโอติกส์ ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ลดอาการท้องเสีย ท้องผูก นอกจากนี้ยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น 


คนที่ต้องใส่ใจกับปัญหาการย่อย

🌻 ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ  

🌻 ผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน  

🌻 ผู้ที่ทานอาหารหนัก อาหารมื้อดึก  

🌻 ผู้สูงอายุที่มีระบบย่อยอาหารเสื่อมถอย 

🌻 ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพระบบย่อยอาหาร 

🌻 ผู้ออกกำลังกายที่รับประทานโปรตีนปริมาณมาก

ผลิตภัณฑ์ที่่แนะนำ​

Enzyme ‘The Key of Life’
          ร่างกายต้องมี “เอนไซม์” ย่อยอาหารและเผาผลาญให้เกิดพลังงาน เพื่อกระตุ้นขบวนการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ  หากขาดเอนไซม์ การทำงานของร่างกายก็จะเชื่องช้ามากจนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ยิ่งเรามีเอนไซม์น้อย การเสื่อมของร่างกายก็จะมีมากขึ้น เรียกได้ว่า “เอนไซม์ คือ พลังงานของชีวิต”
 
          เอนไซม์ คือโปรตีนที่มีกรดอะมิโนสายยาว มีหน้าที่เร่งปฏิกริยาเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (Biocatalyst) โดยไปลดการใช้พลังงาน ไม่ต้องให้ร่างกายใช้พลังงานมากๆในการเกิดปฏิกริยานั้นๆ จนกล่าวได้ว่าถ้าไม่มีเอนไซม์ ร่างกายของเราก็ทำงานไม่ได้ ไม่มีการหายใจ ย่อยอาหารไม่ได้ ไม่มีการเจริญเติบโตซ่อมแซมร่างกาย การคิดหรือแม้การนอนก็ต้องใช้เอนไซม์เร่งปฏิกริยา หากขาดเอนไซม์ การทำงานของร่างกายก็จะเชื่องช้ามากจนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ยิ่งเรามีเอนไซม์น้อย การเสื่อมของร่างกายก็จะมีมากขึ้น เรียกได้ว่า “เอนไซม์ คือ พลังงานของชีวิต”
 
          ร่างกายที่ขาดอากาศจะอยู่ ได้ประมาณ 3-7 นาที แต่ถ้าขาดเอนไซม์ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 30 วินาที “เอนไซม์” ทำหน้าที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเปลี่ยนสภาพสารอาหารให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว “เอนไซม์” เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างมนุษย์ ตั้งแต่เซลล์ไปจนถึงระบบที่สำคัญของร่างกาย เช่น ระบบหายใจระบบไหลเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบย่อยอาหาร
 
          เอนไซม์จะจับกับสารตั้งต้นแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อทำงาน เหมือนแม่กุญแจกับลูกกุญแจ เกิดเป็นสารที่ต้องการ และได้เอนไซม์กลับมาทำงานต่อไปเรื่อยๆ
เอนไซม์ต้องอาศัยโคเอนไซม์และโคแฟคเตอร์เป็นตัวเร่งปฏิกริยาอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะหมดเปลืองไปเรื่อยๆเมื่อเกิดปฏิกริยา เราจำเป็นต้องหามาเสริมจากอาหารหรือสารอาหารในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินและเกลือแร่ต่างๆจะเป็นเพียงเศษผงถ้าเราขาดเอนไซม์
 

หน้าที่ของเอนไซม์
1.  ช่วยให้ระบบการย่อยสมบูรณ์ ทำให้เซลได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่
          หากการย่อยอาหารสมบูรณ์ จะช่วยลดการดึงเอนไซม์เผาผลาญพลังงาน หรือ แมทาบอลิคเอนไซม์มาใช้ย่อยอาหาร ทำให้ระบบการทำงานของเซลล์สมดุลและมีประสิทธิภาพ
 
2.  ย่อยสลายสารพิษที่ตกค้างในเลือดและอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะที่ ตับและไต
          เอนไซม์ประสิทธิภาพสูงจะช่วยย่อยสลายเศษทรากโปรตีนจากการตายของเซลล์ต่างๆ ไขมันที่ตกค้าง คลอเรสเตอรอล น้ำตาลส่วนเกิน จึงทำให้ตับและไตไม่ต้องทำงานงานหนักเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายสมบูรณ์ ไม่มีสิ่งตกค้าง ลดความเสี่ยงจากสารพิษและการเกิดมะเร็ง เซลล์มะเร็งไวต่อเอนไซม์โปรตีเอสมากที่สุด โดยเอนไซม์จะย่อยผนังของเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นโปรตีน
 
3.  ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา พร้อมกระตุ้นระบบภูมิต้านทานเชื้อไวรัส
          เอนไซม์ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ด้วยการทำงานร่วมกับเม็ดเลือดขาว เพื่อทำหน้าที่ขจัดเชื้อโรคต่างๆไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
 
4.  ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมในเซลล์ทุกระบบของร่างกาย
         
          เอนไซม์แบ่งออกได้ 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ เอนไซม์ที่ร่างกายได้รับจากภายนอกโดยการรับประทานเข้าไป และเอนไซม์ที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
 

เอนไซม์ที่ร่างกายได้รับจากภายนอก
 
          🌱 เอนไซม์จากอาหารสด (Food Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานเข้าไป พบได้ในอาหารดิบทุกชนิดทั้งพืชและสัตว์ แต่ถ้าอาหารนั้นถูกปรุงแต่งด้วยความร้อนสูงเกิน 48 องศาเซลเซียส เอนไซม์เหล่านั้นก็จะถูกทำลาย อาหารที่ไม่มีเอนไซม์แล้วนี้ เราเรียกว่า อาหารที่ตายแล้ว (Dead Food)
 
          🌱 เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ (Microorganism Enzyme) เราจึงจะได้ยินถึงภูมิปัญญาของการหมักอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหมากไทย, ถั่วเน่า หรือ นัตโตะของญี่ปุ่น หรือ กิมจิของเกาหลี ซึ่งอาหารเหล่านี้มีจุลินทรีย์ที่สามารถผลิตเอนไซม์ปริมาณมากๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะจุลินทรีย์เพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วและมีขนาดเล็ก
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : ข้าวหมากไทย
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : ข้าวหมากไทย
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : นัตโตะของญี่ปุ่น
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : นัตโตะของญี่ปุ่น
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : กิมจิเกาหลี
เอนไซม์จากการหมักอาหารของจุลินทรีย์ : กิมจิเกาหลี


เอนไซม์ที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
          🌱 เอนไซม์ย่อยอาหาร (Digestive Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตโดยร่างกาย ส่วนใหญ่ผลิตจากตับอ่อน เพื่อใช้ย่อยอาหารได้เป็นสารอาหารให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น กระเพาะอาหารผลิตเปปซินและเรนินเพื่อย่อยโปรตีน, ตับ ผลิตทริปซินเพื่อย่อยโปรตีน
          🌱 เอนไซม์ในการเผาผลาญ (Metabolic Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย มีขนาดเล็กมากแต่มีความสำคัญที่สุด ทำหน้าที่เร่งปฏิกริยาในการเผาผลาญอาหารและสร้างพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบกลไกต่างๆของร่างกาย ก่อให้เกิดการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ เซลล์ในร่างกายทั้ง 60 ล้านล้านเซล์ ในแต่ละเซลล์มีเอนไซม์อยู่ 2000-3000 ชนิด เอนไซม์แต่ละชนิดทำหน้าที่แตกต่างกันอย่างเฉพาะเจาะจง
          เอนไซม์ที่ผลิตขึ้นในร่างกายมีจำนวนจำกัด โดยเฉพาะ Metabolic Enzyme โดยธรรมชาติของร่างกาย หากเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะดึง Metabolic Enzyme ซึ่งสะสมไว้ใช้ในเซล เพื่อมาย่อยอาหาร ทำให้เอนไซม์ที่ใช้ในการเผาผลาญลดลง ก็จะมีผลอื่นๆตามมา ทั้งระบบภูมิต้านทาน และระบบอื่นๆ
          เอนไซม์บางชนิดถ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็จะไม่สามารถทำงานได้ ต้องมีโคเอนไซม์(วิตามินและเกลือแร่)เป็นตัวกระตุ้น เมื่อรวมกันจะเกิดเป็นเอนไซม์ที่สมบูรณ์ (Holoenzyme) และทำหน้าที่ได้โดยสมบูรณ์ สรุปได้ว่า วิตามินเกลือแร่จะไม่ทำงานถ้าปราศจากเอนไซม์ที่เป็นคู่ของมัน กินไปก็เปล่าประโยชน์
 

Q10 แหล่งอาหาร โคเอนไซม์คิวเท็น
แหล่งอาหาร โคเอนไซม์คิวเท็น

          เอนไซม์ต่ำกว่าปกติ จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่น พบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีระดับเอนไซม์ Lipase และ Trypsin ต่ำกว่าปกติ, ผู้ป่วยสะเก็ดเงินมีเอนไซม์ Amylase ต่ำกว่าปกติ, ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับตับจะมีเอนไซม์ Amylase ต่ำกว่าปกติ
          ถ้าเราจะเสริมเอนไซม์เพื่อย่อยอาหาร ต้องทานพร้อมอาหารเลย เพื่อให้อาหารคลุกเคล้ากับอาหารอย่างเต็มที่ในกระเพาะอาหารส่วนบน แต่ถ้าเราทานเอนไซม์ขณะท้องว่างจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดผ่านลำไส้เล็กออกไปภายใน 5 นาทีที่เรากลืนเข้าไป เอนไซม์จะไม่ได้นำไปย่อยอาหาร แต่จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางอื่นแทน เช่น ถ้าเราจะใช้เอนไซม์โปรตีเอสไปเป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ก็ต้องทานตอนท้องว่าง
          การย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์โดยเฉพาะโปรตีน จะได้สารอาหารที่มีขนาดใหญ่กว่าสารอาหารปกติ ร่างกายจะเข้าใจว่าเป็นสารแปลกปลอม จนจะทำให้เกิดการแพ้อาหารแบบแอบแฝง (Hidden Food Allergy)ได้ และร่างกายก็จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อสู้ปราบปรามสิ่งแปลกปลอมซึ่งส่วนใหญ่คือโปรตีนที่ย่อยไม่สมบูรณ์เหล่านี้ และในขณะเดียวกัน ร่างกายก็ต้องใช้เอนไซม์เมตาบอลิคมาทำความสะอาดสารอาหารแปลกปลอมเหล่านี้ในหลอดเลือด ทำให้เราสูญเสียเอนไซม์โดยไม่จำเป็นไปอีก
          ในสมัยก่อนนักวิทยาศาตร์รู้จักแต่เอนไซม์ย่อยอาหารให้เป็นสารอาหาร ปัจจุบันเราค้นพบเอนไซม์ที่มีหน้าที่ในการเผาผลาญสารอาหารให้กลายไปเป็นพลังงาน เป็นกล้ามเนื้อ เป็นเส้นเลือด เป็นเซลสมอง ฯลฯ หน้าที่นั้นเรียกว่า เมตาบอลิซึม Metabolism ซึ่งมีทั้ง การรวมตัว (Anabolism) คือการให้โมเลกุลโครงสร้างธรรมดารวมตัวกลายเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อน และ การแตกตัว (Catabolism) คือการทำให้โมเลกุลที่ซับซ้อนแตกออกเป็นโมเลกุลเชิงเดี่ยวแบบง่ายๆ Metabolic Enzyme เป็นเอนไซม์สำคัญที่อยู่เบื้องหลังระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การคิด การหายใจ ฯลฯ
          ร่างกายต้องการเอนไซม์ย่อยอาหารให้สมบูรณ์ก่อน เพื่อให้เกิดสารอาหาร หากเอนไซม์ย่อยอาหารไม่พอ ก็ต้องไปดึงเอาเอนไซม์เมตาบอลิคมาใช้ย่อยอาหารแทน เอนไซม์เมตาบอลิคก็จะลดลง โดยอ้างกฎของการปรับตัวในการผลิตเอนไซม์ คือเมื่อต้องใช้เอนไซม์ย่อยอาหารมาก ร่างกายก็ต้องถูกบังคับให้ผลิตเอนไซม์ย่อยอาหารมากขึ้นเพื่อมาชดเชยจนพอเพียงเสียก่อน ผลคือร่างกายก็จะมีความสามารถในการผลิตเอนไซม์เมตาบอลิคที่มีความสำคัญมากกว่าลดลง ส่งผลเสียต่อการทำงานของร่างกายอื่นๆตามมาอีกมาก
          การมีเอนไซม์เมตาบอลิคซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมปฏิกริยาเคมีในร่างกายสูง ร่างกายจะมีพลังความสามารถในการสร้างและซ่อมแซมเซล์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีเมตาบอลิคเอนไซม์บางชนิด (metabolic Antioxidant Enzyme) ช่วยทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้เยื่อหุ้มเซลล์ถูกทำลายจนมีรูรั่ว ทำให้โปแตสเซียมซึมออกมา มีผลทำให้ ดีเอ็นเอ DNA ที่อยู่ภายในเซลล์ ซึ่งมีหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ในการแบ่งตัวของเซลล์ทำงานผิดเพี้ยนได้  การมีเอนไซม์ชนิดนี้ลดลงจึงเป็นสาเหตุของความเสื่อมและการเจ็บป่วยของร่างกาย หรือเป็นเหตุให้เกิดเซลมะเร็งได้

สารอาหารธรรมชาติที่ให้เอนไซม์สำคัญในร่างกาย
          เอนไซม์จากอาหารสด (Food Enzyme)
Rice Protein โปรตีนข้าว
Rice Protein โปรตีนข้าว

          🌱 Rice Protein โปรตีนข้าว ในพืชตระกูลข้าวจะมีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากข้าวจะเป็นแหล่งของพลังงานที่สำคัญจากสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตแล้ว ข้าวยังมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากถึง 15% และอีกหนึ่งสารสำคัญจากโปรตีนในข้าวนี้ก็คือ เอนไซม์จากธรรมชาติซึ่งมีหน้าที่ในการช่วยให้เอนไซม์อะไมเลสในร่างกายสามารถย่อยอาหารจำพวกแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเอนไซม์จากข้าวจะกระตุ้นให้อาหารจำพวกแป้งเกิดกระบวนการ Gelatinization

Wheatgrass หรือสารสกัดต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี
Wheatgrass หรือสารสกัดต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี

          🌱 Wheatgrass หรือสารสกัดต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Triticum aestivum เป็นพืชที่มีสารอาหารสูงทั้งอุดมไปด้วย เอ็นไซม์ โปรตีน และวิตามินต่างๆทั้ง A, C, E และแร่ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, แคลเซียม รวมไปถึงมีกรดอะมิโนจำเป็นถึง 17 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้น เนื่องจากกระตุ้นการทำงานทั้ง Glutathione และ Vitamin C จึงมีส่วนช่วยลดอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์ในร่างกายได้ จึงช่วยลดความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของ Digestive enzymes หลายชนิดทั้ง Amylase (สำหรับย่อยแป้ง), Protease (สำหรับย่อยโปรตีน), Lipase (สำหรับย่อยไขมัน) จึงสามารถย่อยอาหารเพื่อให้ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ และลดการเบียดเบียนการทำงานของ metabolism enzymes 

Broccoli บรอกโคลี
Broccoli บรอกโคลี

          🌱Broccoli บรอกโคลี มีสารสำคัญที่ชื่อ Sulforaphane คือ สารประกอบที่มีกำมะถันอยู่ในโมเลกุล ทำหน้าที่ในการปกป้อง DNA ไม่ให้ถูกทำลาย และยังมีการส่งเสริมการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างมากในร่างกาย เช่น Glutathione, Thioredoxin และ NQO-1 เป็นต้น ส่งผลให้ตับทำงานกำจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จึงเป็นการช่วยปกป้องอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายเซล์ในร่างกายเราได้อย่างเข้มแข็ง

Shiitake Mushroom เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม
Shiitake Mushroom เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม

          🌱 Shiitake Mushroom เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม จัดเป็นหนึ่งในเห็ดที่ใช้ทางการแพทย์ เนื่องจากมีงานวิจัยที่ระบุว่าเห็ดชนิดนี้มีสารสำคัญที่ชื่อ Beta-D-glucan ซึ่งเป็นสาร Polysaccharide ชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และคอยช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำงานมากเกินไป นอกจากนี้เห็ดชิตาเกะยังมีสารอาหารที่แตกต่างจากเห็ดชนิดอื่นๆ คือ วิตามินบี2 บี5 และบี6 เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น แมงกานีส ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซีลีเนียม ทองแดง สังกะสี แมกนีเซียม เป็นต้น

Ganoderma lucidum หรือเห็ดหลินจือ
Ganoderma Lucidum หรือเห็ดหลินจือ

          🌱 Ganoderma lucidum หรือ เห็ดหลินจือ เป็นที่รู้กันดีว่าทั้งชาวจีนและชาวญี่ปุ่นใช้เห็ดชนิดนี้เป็นยามาหลายพันปี โดยเห็ดชนิดนี้มีสารสำคัญหลากหลายนอกจาก สาร Polysaccharide ชนิด Beta-D-glucan ที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็งแล้ว ยังมีสารกลุ่ม Triterpenoids หลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ รวมทั้งยังมีสารที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ คือ กรดกาโนเดอริค (Ganoderic acid) และ ลูซิเดอนิค (Lucidenic acid) ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งการหลั่งของสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง, ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยลดไขมันในเลือด จึงช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด และการบำบัดรักษาหลังจากเกิดการอุดตันแล้ว 

Maitake Mushroom หรือ เห็ดไมตาเกะ
Maitake Mushroom หรือเห็ดไมตาเกะ

          🌱 Maitake Mushroom หรือ เห็ดไมทาเกะ เห็ดไมทาเกะมีสารสำคัญที่ชื่อ Grifolan จัดเป็น Beta glucan Polysaccharide ชนิดหนึ่ง  มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า Grifolan สามารถกระตุ้นเซลล์แมคโคฟาจ (macrophage) ซึ่งเปรียบเสมือนตำรวจคอยตรวจสอบและจัดการผู้ร้ายที่จะมาทำลายเซลล์ในร่างกายเรา นั่นคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบภูมิคุ้มกันในการดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆในระดับเซลล์ จากการวิจัยพบว่าการให้สารสกัดเห็ดไมทาเกะในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งกระดูก ให้ผลการรักษาที่ดีขึ้น และยังสามารถลดผลข้างเคียงของการได้รับเคมีบำบัดได้ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นต้น

Cordyceps sinensis หรือ ถั่งเช่า
Cordyceps sinensis หรือ ถั่งเช่า

          🌱 Cordyceps sinensis หรือ ถั่งเช่า เป็นสมุนไพรเก่าแก่ของจีน เดิมนำมาใช้เฉพาะราชนิกูลในการเพิ่มสมรรถนะในร่างกาย เพิ่มพลังงาน ต้านการอ่อนเพลีย ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ปอด ไต และภูมิคุ้มกัน มีการศึกษาที่มีข้อมูลว่าการรับประทานอาหารเสริมจากถั่งเช่าทำให้เพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ถั่งเช่ายังช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยลดความดันโลหิตได้ อีกทั้งมีงานวิจัยที่พบว่าถั่งเช่าช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด T-helper cell, Natural killer cell (NK cell) ในการต่อต้านเชื้อโรคและเซลล์แปลกปลอมและสามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในคน และกระตุ้นให้ระบบภูมิต้านทานต่อต้านมะเร็งได้เต็มที่

Celery หรือ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง
Celery หรือ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง

          🌱 Celery หรือ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง เป็นผักชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยามากมาย มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม โพแทสเซียม วิตามินซี และหากรับประทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันจะทำให้ได้รับเบตาแคโรทีนที่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็น9สารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ขึ้นฉ่ายฝรั่งยังมีสารฟลาโวนอยด์ชื่อ เอพิจีนิน (Epigenin) ที่มีคุณสมบัติในการลดสารที่ก่อให้การอักเสบในเลือด ลดภาระของระบบภูมิคุ้มกัน และจากผลการทดลองของนักวิจัยพบว่า ขึ้นฉ่ายฝรั่งอาจมีส่วนในการลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้ อีกทั้งขึ้นฉ่ายฝรั่งมยังมีน้ำมันหอมระเหย ลิโมนีน (Limonene) และซีลินีน (Selinene) มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการจุกเสียด ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังมีสารประกอบ 3 n-butyl phthalide หรือสารทาไลด์ เป็นสารอีกชนิดที่ทำให้ขึ้นฉ่ายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท ช่วยให้หลับสบาย ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย


         เอนไซม์จากจุลินทรีย์ (Microorganism Enzyme) ในการนี้ควรจะต้องมีการคัดสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับเอนไซม์ที่ได้ด้วย เอนไซม์จากแบคทีเรียบางชนิดที่มีประโยชน์ ซึ่งสามารถทนกรด(ได้ถึง pH 1.5) ทนด่าง(ได้ถึง pH 9.5) ทนความร้อนได้ที่อุณหภูมิถึง 65 องศาเซลเซียส ทนคลอรีน ทนความเค็ม และสามารถเจริญได้ในที่ที่มีออกซิเจนต่ำได้ เช่น

          🌱 Pediococcus acidilactici สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้
          🌱 Pediococcus pentosaceus สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้
          🌱 Leuconostoc mesenteroides สามารถสร้างเอนไซม์มากมายอย่าง Amylase, Protease, Lipase, Peptidase, Sucrase เพื่อย่อยอาหารให้กลายเป็นสารอาหารโมเลกุลเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสร้างสารกรดแลคติคและ Nisins เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้ ซึ่งทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ USFDA อนุญาตให้ใช้ Nisins และ Pediocins ในอาหารได้
          🌱 Pichia farinose สร้าง Toxins-killer สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของพวกยีสต์และทำให้พิษอย่าง Aflatoxins, Mycotoxins, Endotoxins หมดสภาพ
          🌱 Dekkera anomala สามารถย่อยแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดอะซิติคโดยไม่เปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ และช่วยผลิตเอนไซม์ Cellulase, Hemicellulase, Xylanase, Cellubloase, Amylase, Pectinase, Lignase, Arabinase และอื่นๆ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
หนังสือรู้สู้โรค ศ.ดร.เฉลียว
https://www.healthline.com/nutrition/wheatgrass-benefits#TOC_TITLE_HDR_2
https://drveronica.com/7-reasons-wheatgrass-benefits-your-healthy-diet
https://www.naturebiotec.com/wp-content/uploads/2020/10/AW-Lingshi_reprint-3.pdf
https://www2.rsu.ac.th/clipping/2020/10112563214233_Event_AJ%20Supod%20-%20todayline.pdf
http://sutir.sut.ac.th:8080/jspui/bitstream/123456789/8074/2/Fulltext.pdf
http://otop.dss.go.th/attachments/article/109/CF82(A13).pdf
http://krutatcha.com/_files_school/00000882/data/00000882_1_20190516-060556.pdf
https://www.disthai.com/17105422/%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2
Badria FA.  Is man helpless against cancer? An environmental approach: antimutagenic agents from Egyptian food and medicinal preparations.  Cancer Lett 1994;84(1):1-5.
Miwa M, Kong ZL, Shinohara K, Watanabe M.  Macropohage stimulating activity of foods.  Agr Biol Chem 1990;54(7):1863-6.
Hashim S, Aboobaker VS, Madhubala R, Bhattacharya RK, Rao AR.  Modulatory effects of essential oils from spices on the formation of DNA adducts by aflatoxin B1 in vitro.  Nutr Cancer 1994;21(2):169-75.
Scroll to Top