ไมเกรน..ไม่รู้ที่มา แต่รู้ว่าจะทำให้หายยังไง
เนื้อหา
ไมเกรนคืออะไร ?
ไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ พบได้บ่อย โดยมีลักษณะปวดตุ้บ ๆ หรือปวดข้างเดียว และอาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสงและเสียง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อาการมักเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และสามารถรุนแรงจนรบกวนการทำกิจวัตรประจำวันได้
ปวดหัวเรื้อรังแก้ไม่หาย !
ผู้ที่มีอาการ ปวดหัวเรื้อรัง หรือ ไมเกรน มักมีอาการปวดหัวตุ้บๆ เป็นจังหวะข้างเดียวหรือทั้งสองข้างจนแทบทนไม่ไหว เหมือนหัวจะระเบิด ซึ่งรบกวนสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของหลายๆ คน บางครั้งมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ตาพร่าร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดไมเกรนนั้น เกิดจากการบีบรัดและคลายตัวของหลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองมากกว่าปกติ เนื่องจากได้รับสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่มาเร้าให้เกิดอาการปวดขึ้น
ไมเกรน ปัจจุบันยังไม่พบวิธีการรักษา และแก้ไขให้หายขาด ทำได้เพียงแต่กินยาเพื่อดูแลตามอาการ และหลีกเลี่ยงสภาวะที่กระตุ้นให้เกิดอาการของแต่ละบุคคล โดยผู้เป็นไมเกรนควรสังเกตตนเองว่า สภาวะการกระตุ้นใดส่งผลต่อการเกิดอาการปวดของเรา เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสูง การกระตุ้นจากแสงจ้า หรือเสียงดังๆ อากาศที่ร้อนหรือเย็นมากเกินไป หรือแม้แต่ของหวาน น้ำตาลที่ส่งผลให้เลือดหนืด หลอดเลือดทำงานหนักขึ้น เป็นต้น
วิธีดูแลและบรรเทาอาการไมเกรน
เมื่อเราเผชิญกับสิ่งเร้าที่กระตุ้น หลอดเลือดจะทำการหดตัวจึงทำให้ตาพร่า เวียนหัว ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังจากนั้นหลอดเลือดจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เรารู้สึกปวดไมเกรน หรือปวดหัวจนเหมือนหัวจะระเบิด ปวดตุ้บๆ ตามการเต้นของจังหวะหัวใจ การรักษาเบื้องต้นคือการกินยาหดหลอดเลือดซึ่งมีผลข้างเคียงกับร่างกาย เราจึงควรสร้างสภาวะที่ลดปัจจัยในการเกิดไมเกรนให้น้อยลง เพราะการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรนได้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- นอนหลับให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG)
- หลีกเลี่ยงของหวานเพราะน้ำตาลจะทำให้เลือดข้นหนืด ทำให้หลอดเลือดทำงานหนักเพิ่มขึ้น
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น บริเวณที่มีเสียงดัง หรือ แสงจ้า
- การจัดการความเครียด
- ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือโยคะ
- หลีกเลี่ยงความเครียดที่ไม่จำเป็น
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง และยังลดโอกาสการเกิดไมเกรนได้
แต่ในความเป็นจริง เรามักจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ได้ทั้งหมด จึงไม่แปลกที่หลายคนหันมองหาตัวช่วยที่จะช่วยลดอาการไมเกรนให้ทุเลาลง ไม่ว่าจะเป็นจากอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้การดำรงชีวิตประจำวันเป็นไปได้อย่างปกติสุข
สารอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
มีสารอาหารจากธรรมชาติหลายชนิดที่มีฤทธิ์ในการช่วยลดอาการไมเกรน อาทิเช่น Magnesium (แมกนีเซียม) ที่ช่วยเรื่องการหด-ขยายตัวของหลอดเลือด, L-Arginine (แอล-อาร์จีนีน), L-Theanine (แอล-ธีอะนีน), Chlorophylls (คลอโรฟีล), Coenzyme Q10 (โคเอนไซม์คิวเท็น) และ Vitamin B (วิตามินบี) ชนิดต่างๆ
💡Magnesium Amino Acid Chelate (20%) :
แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาของเอนไซม์ที่ผลิตพลังงาน (ATP) ต่างๆภายในเซลล์ ช่วยลดการหดเกร็งของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อ ลดการเกิดตะคริว ช่วยป้องกันและอาการปวดไมเกรน ลดความวิตกกังวล ลดความเครียด อีกทั้งยังกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้ออีกด้วย
💡L-Arginine :
แอล-อาร์จีนีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ร่างกายสังเคราะห์เองได้ แอล-อาร์จีนีน จะถูกร่างกายเปลี่ยนให้เกิดไนตริกออกไซด์ในหลอดเลือด เพื่อทำหน้าที่ทำความสะอาดหลอดเลือดที่อุดตัน ทำลายไขมันที่เกาะและอุดตันในผนังของหลอดเลือด ช่วยคลายและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับหลอดเลือด ช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด ป้องกันอาการเลือดแข็งตัว ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
💡L-Theanine :
แอล-ธีอะนีน มีส่วนช่วยให้ระบบประสาทและสมองผ่อนคลาย ลดภาวะเครียด โดย แอล-ธีอะนีน จะไปกระตุ้นการผลิตคลื่นสมองชนิดอัลฟา (Alpha Wave) มากขึ้น ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่พบในขณะที่ร่างกายอยู่ในขณะผ่อนคลายหรือมีความสุข ทำให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความเครียดได้
💡Chlorophylls :
คลอโรฟิลล์ อุดมไปด้วยวิตามินและสารอนุมูลอิสระ เร่งการสมานแผล ช่วยสร้างเม็ดเลือดและทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี เพิ่มปริมาณของเม็ดเลือดแดงให้สมดุล เพิ่มการผลิตพลังงานระดับเซลล์ในร่างกายให้ดีขึ้น มีส่วนช่วยอาการปวดศีรษะและไมเกรน
💡Coenzyme Q10 :
โคเอนไซม์คิวเท็น หรือ CoQ10 ไม่ได้ให้พลังงานโดยตรงแก่ร่างกาย แต่เป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็น ในการจุดเริ่มปฏิกิริยาเคมีเพื่อสร้างพลังงานจึงมีความสำคัญต่อกล้ามเนื้อส่วนต่างๆโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยผลิตพลังงานให้แก่เซลล์และเป็นสารอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย มีบทบาทสำคัญมากในการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว และยังสามารถช่วยและลดการสะสมของโคเลสเตอรอลในเลือด
💡Vitamin B6, B2, B1 และ Vitamin B12 :
กลุ่มวิตามินบี มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง รวมถึงมีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบประสาทเป็นไปได้อย่างปกติ กระตุ้นการสร้างพลังงานระดับเซลล์
ไมเกรน แม้เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่สามารถจัดการได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกาย และการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
